MASTER ทุ่ม 468 ล้านบาท ปิดดีล 5 พาร์ตเนอร์ รุกธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ-คลินิกเสริมความงามและบริการ

MASTER บอร์ดไฟเขียว ทุ่ม 468 ล้านบาท ปิดดีลพาร์ตเนอร์รวดเดียว 5 ราย ลุยขยายธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ-คลินิกเสริมความงามและธุรกิจบริการ มั่นใจไม่กระทบสภาพคล่อง มองเป็นโอกาสที่ดีในอนาคต พร้อมมั่นใจทุกดีลที่เกิดขึ้นสนับสนุนให้MASTERเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

MASTER ทุ่ม 468 ล้านบาท ปิดดีล 5 พาร์ตเนอร์

นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เข้าลงทุนในกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง คลินิกเสริมความงาม และธุรกิจบริการ โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน 5 บริษัท รวมเป็นเงิน 468,391,176.47 บาท ได้แก่

MASTER

  1. การเข้าลงทุนในบริษัท ทวิงเกิ้ล สตาร์ จำกัด โดยจะเข้าซื้อหุ้นไม่เกิน 4,721 หุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของทวิงเกิ้ล สตาร์ โดย ทวิงเกิ้ล สตาร์ ประกอบกิจการ ซื้อ ขาย ผลิตสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์

MASTER

2. การเข้าลงทุนในบริษัท ทีวายพี เมดิคัล จำกัด โดยจะเข้าซื้อหุ้นจำนวน 60,976 หุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบจก. ทีวายพี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73,700,000 บาท ซึ่ง ทีวายพี เป็นบริษัทจัดตั้งใหม่เพื่อรับโอนกิจการคลินิกเสริมความงามซึ่งเปิดให้บริการอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ภายใต้ชื่อ “TYP Clinic” มีความชำนาญด้านเสริมจมูก ตาสองชั้น ปรับรูปหน้า บริษัทใหม่จะรับโอนทรัพย์สินทั้งหมดที่ใช้การประกอบกิจการ ลูกค้า และพนักงาน เพื่อให้ดำเนินกิจการคลินิก TYP Clinic ได้ต่อเนื่อง

MASTER

3.การเข้าลงทุนในบริษัท ซีเอ็มเอ็นเอช 2012 จำกัด โดยจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 6,667 หุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของซีเอ็มเอ็นเอช รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,000,000 บาท ซึ่งซีเอ็มเอ็นเอช ประกอบกิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ภายใต้ชื่อ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุเชียงใหม่เนิร์สซิ่งโฮมแคร์ (Chiangmai Nursing Home care) ใน จ.เชียงใหม่ มีความชำนาญด้านดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยทางระบบสมองและประสาทไขสันหลัง ให้ได้รับการดูแลฟื้นฟูอย่างมีคุณภาพมาตรฐานตามหลักการแพทย์ โดยจะมุ่งเน้นการทำกายภาพบำบัด รวมถึงกิจกรรมบำบัด เพื่อให้ผู้ป่วยทางระบบประสาท สามารถช่วยเหลือตัวเอง และกลับคืนสู่ครอบครัวและสังคมได้อย่างเหมาะสม

THE SKIN CLINIC

4.การเข้าลงทุนในบริษัท ด็อกเตอร์ ท๊อป แฮร์ ฮอสพิทอล จำกัด ด้วยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 133,333 หุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ ด็อกเตอร์ท๊อป แฮร์ เป็นเงินจำนวนไม่เกิน 96,000,000 บาท ซึ่ง ด็อกเตอร์ ท๊อป แฮร์เป็นบริษัทจัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อรับโอนกิจการคลินิกเฉพาะทางด้านผิวหนังและความงาม ภายใต้ชื่อ “The Skin Clinic” ชำนาญด้านปลูกผมไร้รอยแผลศัลยกรรมความงาม และเลเซอร์ต่างๆ ปัจจุบัน มี 7 สาขาในกรุงเทพมหานคร รวมถึงโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมผม ภายใต้ชื่อ    “ด็อกเตอร์ ท๊อป แฮร์ ฮอสพิทอล”

MASTER

BEQ GROUP

5. การเข้าลงทุนในบริษัท บีอีคิว จำกัด โดยจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 21,875 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 35% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุน เป็นเงินจำนวนไม่เกิน 183,750,000.00 บาท ซึ่งบีอีคิว ประกอบกิจการคลินิกให้บริการด้านผิวพรรณ รูปร่าง และเส้นผม ภายใต้ชื่อ “BEQ Clinic” ซึ่งเปิดให้บริการอยู่ที่กรุงเทพมหานคร โดยมีความชำนาญด้านการปลูกผมครบวงจร

ขณะที่การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทวิงเกิ้ล สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการด้านผลิตสื่อโฆษณาจะช่วยส่งเสริมการเผยแพร่การบริการของบริษัทให้เข้าถึงผู้บริโภคได้เพิ่มมากขึ้น สำหรับการเข้าร่วมลงทุนในกิจการเกี่ยวกับด้านสุขภาพและคลินิกเสริมความงามดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามนโยบายการลงทุนของบริษัทที่จะลงทุนในธุรกิจที่สามารถส่งเสริมและเป็นประโยชน์กับบริษัทธุรกิจหลักของบริษัท การร่วมลงทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าและรูปแบบการให้บริการเสริมความงามให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท

การเข้าลงทุนในกิจการทั้ง 5 บริษัท จะใช้เงินที่ได้รับจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทเห็นว่าการเข้าทำรายการดังกล่าว มีความสมเหตุสมผล ถือเป็นประโยชน์กับบริษัท และเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของบริษัทที่วางแผนลงทุนในกิจการที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท ส่งผลทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเงินปันผลที่ได้รับจากการลงทุน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท และทำให้บริษัทสามารถขยายเครือข่ายการให้บริการและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวว่า บริษัทประกาศแผนซื้อกิจการ จำนวน 5 ดีล ถือว่ามากกว่าที่แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ที่คาดจะมีดีลใหม่อย่างน้อย 3 ดีล ทำให้ปัจจุบัน MASTER มีดีลซื้อกิจการแล้วทั้งสิ้น 9 ดีล โดยเชื่อมั่นว่าทุกดีลที่เกิดขึ้นจะสนับสนุนให้ MASTER เติบโตอย่างยั่งยืน เนื่องจากจะส่งผลบวกต่อบริการของทั้งกลุ่ม ช่วยให้เกิด Economy of Scale ในเรื่องของเวชภัณฑ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างโอกาสเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องในอนาคต

อ่านข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ MASTER NEWS